วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การบรรลุธรรมของพระโมคคัลลานะ



การบรรลุธรรมของพระโมคคัลลานะ
พระโมคคัลลานะมีนามเดิมว่า “โกลิตะ” เป็นเพื่อนกับอุปติสสะ (พระสารีบุตร) จะไปไหนก็ไปด้วยกัน มีแนวคิดเดียวกัน เกิดเบื่อหน่ายชีวิตฆาราวาสและตัดสินใจออกบวชพร้อมกับอุปติสสะ
ในการบรรลุธรรมของท่านนั้น ภายหลังจากบวชแล้ว พระโมคัลลานะได้ทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้าไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ หมู่บ้านกัลลวาละ แคว้นมคธ ขณะบำเพ็ญธรรมอยู่นั้น ท่านเกิดความง่วงนอนอย่างหนัก จนไม่สามารถจะปฏิบัติธรรมได้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบด้วยพระญาณ ในวันที่ ๘ จึงได้เสด็จไปสอนวิธีแก้ง่วงแก่ท่านด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
๑.เมื่อกำหนดนึกอย่างไรแล้วเกิดความง่วง ควรพิจารณาถึงการกำหนดนั้นให้มาก
๒.หากยังไม่หายง่วง ควรตรึกตรองพิจารณาถึงธรรมที่ได้ศึกษามาจนขึ้นใจ
๓.หากยังไม่หายง่วง ควรท่องบ่นธรรที่ได้ฟังได้ศึกษาโดยพิศดาร
๔.หากยังไม่หายง่วง ควรแย่งช่องหูทั้ง ๒ ข้าง และเอาผ่ามือลูบตัว
๕.หากยังไม่หายง่วง ควรลุกขึ้นยืน เอาน้ำลูบตา แล้วเหลียวดูทิศทั้งหลายแหงนดูดาว
๖.หากยังไม่หายง่วง ควรกำหนดนึกถึงแสงสว่าง ควรตั้งความสำคัญว่ากลางวันไว้ในจิตตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
๗.หากยังไม่หายง่วง ควรเดินจงกรม มีสติกำหนดที่หมาย เดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีจิตไม่ฟุ้งซ่าน
๘.หากยังไม่หายง่วง ควรนอนแบบสีหไสยา คือ นอนตะแคงข้างขวา ซ้อนเท่า เหล่าเท้า มีสติสัมปชัญญะ หมายใจอยู่ว่าจะลุกขึ้น ครั้นตื่นแล้วให้รีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า จะไม่หาความสุขจากการนอน จะไม่หาความสุขจากการเอน จะไม่หาความสุขจากการเคลิ้มหลับ

พระโมคัลลานะได้ปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อทรงพิจารณาว่าท่านหายง่วงแล้ว จึงตรัสสอนเรื่องธาตุกัมมัฏฐาน โดยทรงแนะนำให้ท่านกำหนดพิจารณากายนั้นแยกออกเป็นส่วน ๆ ให้เห็นว่าเป็นเพียงธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งแต่ละส่วนนี้ไม่ใช้เราไม่ใช้ของเรา ไม่ใช้ตัวตนของเรา ท่านเจริญสมถะสลับกับวิปัสสนะไปตามที่พระพุทธเจ้าสอนและได้บรรลุอรหัตตผลในวันนั้นนั่นเอง
ข้อพิจารณา
๑.ความง่วงเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติธรรม ดังนั้นผู้ปฏิบัติควรจดจำวิธีการแก้ง่วงนี้ไว้ให้ดี เมื่อเกิดการง่วงนอนขึ้นมาก็พยายามแก้ด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้เป็นลำดับ อย่างใช้วิธีตามข้อ ๘ ก่อน ลองใช้วิธีอื่น ๆ ก่อน เพราะถ้าง่วงก็นอนจะทำให้เคยตัวต้องนอนทุกครั้งเมื่อเกิดง่วงนอน
๒.พระโมคคัลลานะเป็นเอทัคคะในทางมีฤทธิ์มาก เนื่องจากท่านเจริญกรรมฐานก่อนแล้วจึงเจริญวิปัสสนากรรมฐาม โดยเฉพาะอาโลกกสิณ คือ การนึงถึงแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา อันเป็นวิธีแก้ง่วงอย่างหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแนะนำ ท่านจึงได้อานิสงส์ของการเจริญอาโลกสิณนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น